แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด เขาก็รู้สึกขยะแขยง
แน่นอนว่าเมื่ออุ้มผู้หญิงคนอื่น ความรู้สึกในการอุ้มเธอนั้นแตกต่างออกไป
เมื่อเดินไปที่ห้องเช่า เขาหมอบลงและดึงกุญแจสำรองออกมาจากใต้พรมปูพื้นหน้าประตู เธอชอบวางกุญแจสำรองไว้ที่นี่เสมอ โดยบอกว่าถ้าเธอไม่มีกุญแจ เธอก็ไม่กลัวว่าจะเข้าประตูไม่ได้
เขาเปิดประตู ไฟในห้องยังเปิดอยู่ และร่างผอมบางกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะในขณะนั้น โดยที่ร่างกายส่วนบนของเขาอยู่บนโต๊ะ และผล็อยหลับไปโดยเอียงศีรษะ
เขามองดูใบหน้าที่กำลังหลับใหลของเธอภายใต้แสงไฟ เงียบสงบราวกับดอกเบญจมาศ สงบสุข และจิตใจของเขาก็สงบสุขทันทีที่เห็นเธอ
เขายกมือขึ้นและใช้ปลายนิ้วมือปัดผมที่แก้มของเธอเบาๆ ราวกับว่าเขาจะไม่เบื่อที่จะมองเธอตลอดไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก้มลงและหยิบเธอขึ้นจากเก้าอี้อย่างระมัดระวัง
แม้ว่าเขาจะจงใจผ่อนคลายการเคลื่อนไหว แต่เขาก็ยังปลุกเธอ
“อาจิน…” เธอลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง และดวงตาสีแอปริคอทที่มัวหมองก็ดูเหมือนจะย้อมด้วยชั้นกระจก
“กลับมาแล้ว” เขาบอก “ผมจะพาคุณกลับไปนอน และคุณก็นอนต่อ”
ขณะที่เขาพูด เขากอดเธอและเดินไปที่เตียง
เธอเอนศีรษะไปที่อ้อมแขนของเขา และถามในสภาวะกึ่งหลับกึ่งหลับว่า “คุณ… หอมมาก หอมมาก… กลิ่นเหมือนน้ำหอมเลย… คุณไปอยู่ไหนมา”
“วันนี้ฉันมีงานต้องทำ ฉันเลยไปที่บาร์ บางทีมันอาจจะมีรอยเปื้อน” เขาวางเธอลงบนเตียง “ไปนอนซะ ฉันจะล้างกลิ่นให้หมด”
เปลือกตาของเธอค่อยๆปิดลงอีกครั้ง
เขาเอาผ้าห่มคลุมเธอ จากนั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปเข้าห้องน้ำ
ในห้องน้ำเขายืนอยู่ใต้น้ำล้างร่างกายของเขา น้ำหอมบนตัวเธอคงเป็นน้ำหอมผู้หญิงในคลับเฮาส์เมื่อกี้นี้เอง
น้ำหอมราคาแพงไม่ดีเท่ากลิ่นสบู่ติดมือ เพราะ…มีกลิ่นเดียวกับตัวเธอ
ราวกับว่าร่างกายของเขาถูกย้อมด้วยกลิ่นของเธอ
เมื่อยี่ จินหลี่ซักผ้าเสร็จและเดินออกจากห้องน้ำ เขามองไปที่ชายที่นอนอยู่บนเตียง
เขาก้มลงเล็กน้อย และปลายจมูกก็แนบชิดอีกฝ่ายเล็กน้อย สูดลมหายใจเข้าไปยังร่างของอีกฝ่าย
“หลิงหลิง เมื่อไหร่ฉันจะบอกให้เธอรู้ตัวตนของฉัน หรือให้เธอพึ่งพาฉันจนเธออยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน ทั้งๆ ที่รู้ว่าฉันเป็นใคร เธอยังจะอยู่กับฉัน ใช่ไหม? “
เขาพึมพำเสียงต่ำ ในห้องเล็ก มีเพียงเสียงหายใจและการเต้นของหัวใจของกันและกัน